จำคุก บาส มีดคู่ 13 ปี 6 เดือน ประกันตัวเจ็ดแสนห้าระหว่างอุทธรณ์ คดีคว้ามีดไล่ฟันคู่อริที่ตามราวีถึงที่พักดับ 2 ศพ แม่ผู้ต้องหาน้ำตานอง สงสารลูก/มไม่คิดจะโดนเกิน 10 ปี คดีบาสมีดคู่ นายณัฐวุติ หนุ่มวัย 22 ปี ซึ่งหากใครจำได้กับข่าวดังที่ผู้ต้องหาตัดสินใจใช้มีดสปาร์ตายาว 18 นิ้ว และมีดปลายแหลมยาว 15 นิ้ว ออกมาต่อสู้ และได้แทงใส่กลุ่มคู่อริที่ยกพวกมาหาเรื่องจนต่อมาฝ่ายคู่กรณีเสียชีวิต 2 ศพ
ล่าสุด ศาลอาญาธนบุรี นัดฟังคำพิพากษาวานนี้ (19 ต.ค.65) ในคดี อ.4/2565
ที่พนักงานอัยการคดีอาญาธนบุรี ยื่นฟ้องนายณัฐวุฒิ พึ่งฤกษ์ดี หรือ บาส มีดคู่ อายุ 22 ปี จำเลยในความผิดต่อชีวิต,ความผิดต่อร่างกาย เเละคดีลหุโทษ ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกนายณัฐวุฒิ 13 ปี 6 เดือน ปรับ 500 บาท ชดใช้ค่าสินไหมทดเเทนเเก่ผู้ร้องที่ 1 เป็นเงินจำนวน 27,666.66 บาท เเละจำนวน 166,666.66 บาท
ต่อมา จำเลยได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาเเล้วอนุญาตให้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ เป็นเงิน 750,000 บาท ด้าน นางศิริวัศยา อายุ 45 ปี เเม่นายณัฐวุติ เปิดเผยด้วยน้ำตาหลังฟังคำตัดสินศาลได้ยินว่าลูกต้องติดคุก 13 ปี 6 เดือน คนเป็นแม่ยอมรับว่าถึงกับน้ำตาไหลออกมา เพราะไม่คิดว่าลูกจะโดนโทษเกิน 10 ปี
แม่บาสมีดคู่ ยังด้วยว่า เก็นลูกอีกทีเจ้าหน้าที่ก็ใส่กุญเเจมือเเล้ว จากนั้นไปยื่นประกันตัวไปเเต่ต้องใช้วงเงิน 250,000 บาท ซึ่งตนไม่มีเงินมากขนาดนั้น เเต่ก็คงต้องไปกู้หนี้ยืมสินเอาตนเครียดมาก
หลังฟังคำตัดสินลูกชายก็ได้บอกกับตนว่า “เเม่หาเงินมาช่วยประกันหนูหน่อยนะ เดี๋ยวหนูออกมา เดี๋ยวหนูช่วยเเม่ใช้หนี้ หนูไม่มีใครเเล้ว เเม่ต้องช่วยหนูนะ”
ตนก็สัญญากับลูกไว้ “เดี๋ยวเเม่จะไปหากู้ยืมเงินเขามาช่วยหนูนะ รอหน่อย 1-2 วัน เเต่ยังไงก็ตามเเม่จะหาเงินมาช่วย” ส่วนเรื่องเงินสินไหมที่จะต้องให้กับทางครอบครัวผู้เสียหายนั้น ตนคิดไว้ว่าหลังจากนี้หากมีอะไรก็จะเอาไปขาย ไม่พอก็จะกู้เงินเอา
มิจฉาชีพทำหัวหมอ ยอมเจ็บตัว บิ๊กไบค์ชนท้าย หวังเรียกเงินค่าเสียหาย รังสิต ตำรวจบอกพบแล้วหลายเคสมาก แนะรถติดกล้อง หลังจากเมื่อวานนี้ (19 ต.ค.65) โลกโซเชียลพากันแห่แชร์ข้อมูลเตือนภถัยมิจฉาชีพที่มาในรูปแบบหัวหมอ ทำเป็นขขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ชนท้ายรถเหยื่อ เขโดยหวังจะเรียกเงินค่าเสียหาย
ข้อความจากโพสต์ต้นเรื่องที่นำเรื่องราวมิจฉาชีพทำทีขี่บิ๊กไบค์เรียกเงิน ระบุว่า เจอมิจ..ย่านรังสิต วันนี้เจอมอเตอร์ไซค์ตามรูปขี่ชนท้ายแถวเลียบคลองรังสิต สุดท้ายคดีพลิกจากข้อมูล บ.ประกัน และร้อยเวรแจ้งว่า “เจอพี่มิจแล้ว”
“พี่เค้าทำเป็นอาชีพ จะขี่พุ่งชนจังหวะเลี้ยวออกจากซอยบ้าง ออกจากปั๊มบ้าง บางเคสพลีชีพแขนขาหักเรียกเงินหลายแสน คนนี้คนเดียวมีเคสอยู่ที่ย่านรังสิตหลายเคสมากกก ประกันอย่าให้ขาด กล้องหน้าต้องมี แต่กล้องหลังควรมีเช่นกัน” ข้อความจากผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านหนึ่งที่นำเรื่องมาตีแผ่ให้สังคมได้ระวังตัว ก่อนจะทิ้งท้ายในโฑสต์ด้วยว่า “ประกันอย่าให้ขาด กล้องหน้าต้องมีแต่กล้องหลังควรมีเช่นกัน”
ผลสอบ ‘เจ๊นุช’ ส.ต.ท.หญิงกรศศิร์ รับมีสัมพันธ์ส.ว. 8 ปีจริง
ผลสอบ “เจ๊นุช” สิบตำรวจโทหญิง กรศศิร์ มีความสัมพันธ์สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามที่กล่าวหาจริง แถมไม่เคยไปช่วยราชการชายแดนภาคใต้ จ่อเชิญผู้เกี่ยวข้องให้ข้อมูลเพิ่ม ความคืบหน้า คดีสิบตำรวจโทหญิงกรศศิร์ บัวแย้ม หรือ “เจ๊นุช” ซ้อมทำร้ายร่างกายอดีตทหารหญิง ซึ่งต่อมา คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ปปช.) รับเรื่องมาดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ขยายผลการสอบสวน
ล่าสุด วันนี้ (19 ต.ค.65) ที่รัฐสภา นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษก กมธ.ปปช. กล่าวว่า ตอนนี้ กมธ.ได้สอบข้อเท็จจริงมาระยะหนี่ง โดย 2 สัปดาห์ที่แล้วทาง กมธ.ได้เชิญพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ในฐานะเจ้าของคดีและตัวแทนของผบ.ตร. ถึง 2 ครั้ง
โฆษก กมธ.ปปช. เผยตีอว่า ทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ให้ข้อเท็จจริงค่อนข้างชัดเจนทุกประเด็น ตั้งแต่ขั้นตอนการเข้ารับราชการของส.ต.ท.หญิงกรศศิร์ การดำเนินการ รวมถึงการขออนุญาตย้ายไปส่วนต่างๆ แต่เอกสารบางส่วนยังไม่ได้ส่งมาให้กมธ.จำนวนมาก
ในส่วนที่ กมธ.สงสัยหลายเรื่องวันนี้ทางกมธได้สอบข้อเท็จจริงจากส.ต.ท.หญิงกรศศิร์ จากเรือนจำที่จ.ราชบุรี โดยส.ต.ท.หญิงกรศศิร์ ยอมรับถึงความสัมพันธ์กับสมาชิกรัฐสภาท่านหนึ่ง ตั้งแต่ปี 55-62 โดยมีการติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส.ต.ท.หญิงกรศศิร์ ไม่ทราบว่าตนเองเข้ารับราชการได้อย่างไร
แต่ได้มีการสมัครโดยบังเอิญที่ในขณะนั้น เปิดรับแค่ 2 ตำแหน่ง มีการยกเว้นอายุ แล้วพบว่าคุณสมบัติเข้ากับตนเองพอดี โดยตอนนี้กมธ.สามารถประมวลภาพต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น
ส่วนเรื่องการขอตัวไปช่วยงานที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้านั้น ส.ต.ท.หญิงกรศศิร์ ยอมรับว่าไม่ได้ไปราชการตามที่ระบุไว้จริง แต่อยู่ในพื้นที่ กทม.และราชบุรี โดยเคยไปในพื้นที่ เพื่อรับคำสั่งเพียง 2 ครั้ง แบบไม่ได้ค้างคืน
รวมทั้งกรณีการไปดูงานต่างประเทศส.ต.ท.หญิงกรศศิร์ ยอมรับว่าไปดูงานจริง แต่มีค่าใช้จ่ายที่ออกเองบางส่วน และสมาชิกรัฐสภาท่านนั้นออกให้
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป