คุมตัว กระบะพุ่งชนพนง.กวาดถนนแจ้งข้อหาหนัก ชนเสร็จไปทำงานต่อ

คุมตัว กระบะพุ่งชนพนง.กวาดถนนแจ้งข้อหาหนัก ชนเสร็จไปทำงานต่อ

ตำรวจขยายผลจากไฟตัดหมอก ก่อนบุกจับคาบ้านพัก กระบะพุ่งชนพนักงานกวาดถนนกรุงเทพฯ เสียชีวิต คุมตัวแจ้งข้อหาหนัก ผู้ก่อเหตุอ้างก้มเก็บมือถือ จากกรณีสะเทือนขวัญ นางสมศรี (สงวนนามสกุล) พนักงานกวาดถนนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เขตสะพานสูง ต้องมาจบชีวิตลง จากสาเหตุการถูดกรถยนต์กระบะพุ่งเข้าชนนั้นล่าสุด พล.ต.ต.สุระพรรณ นาทวรทัต ผบก.น.4 กล่าวถึงความคืบหน้าของคดี 

หลังจากตอนนี้สามารถจับกุมตัว นายอรรคพล (สงวนนามสกุล) คนขับรถยนต์กระบะผู้ก่อเหตุได้เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ขับรถชนพนักงานกวาดถนนผู้เคราะห์ร้ายจริง โดยตอนเกิดเหตุ เจ้าตัวอ้างว่ากำลังก้มลงไปเก็บมือถือ เมื่อเกิดอุบัติเหตุคนขับกระบะยังอ้างว่า ไม่แน่ใจว่าขับรถเฉี่ยวชนเข้ากับอะไรเนื่องจากมองไม่เห็น

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการขยายผลจากไฟตัดหมอก ซึ่งตกในจุดเกิดเหตุ จึงขยายผลไล่ล่าจนจับกุมตัวคนขับรถที่ประมาทจนนำมาซึ่งการสูญเสียครั้งนี้ได้ในที่สุด

ทั้งนี้ อ้างอิงข้อมูลจากการร่วมแถลงข่าวการจัมกุมผู้กระทำผิดของ สำนักงานเขต สะพานสูง ระบุ น.ส.สมศรี อายุ​ 59 ปี​ ลูกจ้างประจำตำแหน่งพนักงานทั่วไป (กวาด) ฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ​ สำนักงานเขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร​ บรรจุเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2544​ รวมอายุราชการ 21 ปี เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่บริเวณริมทางถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษก จากการถูกรถชน​ในเวลาประมาณ 05.10-05.15 น. ของวันที่​ 9 ต.ค.​ ที่ผ่านมา​

โดยทางด้านพนักงานสอบสวนได้ประสานให้ฝ่ายสืบสวน สน.บางชัน ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อเชื่อมโยงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยในที่เกิดเหตุมีเศษกระจกรถยนต์แตก แต่ไม่มีภาพจากกล้องวงจรปิด ไม่เห็นทะเบียน เห็นแต่รูปร่างรถ ปรากฏว่าไล่ภาพไปจนเจอรถคันหนึ่งขับเข้าไปภายในโกดัง พนักงานที่อยู่ในโกดังเดินไปตรวจสอบ

จากนั้นคนขับเดินลงไปดูไฟท้าย ลักษณะเหมือนไปชนอะไรมา สุดท้ายรับสารภาพ โดยผู้ก่อเหตุให้การว่ากำลังจะขับรถไปรับสินค้า แต่เผลอมองโทรศัพท์มือถือ ทำให้รถเสียหลักไปชนคุณสมศรี ขณะที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ เวลาประมาณ 05.10 – 05.15 นาที

และไม่ได้จอดลงเพื่อจะลงไปช่วยนำส่งโรงพยาบาล ถ้าจอดรถและลงไปดูน่าจะช่วยชีวิตได้ถ้าชนไม่หนัก ที่สำคัญคือ ไม่แจ้งเหตุให้กับเจ้าหน้าที่ได้ทราบ ก็ยังไปทำงานต่อและขับรถกลับไปบ้าน

ทั้งนี้ ข้อหา ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามมาตรา 291 ระบุว่า “ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท”

พบแล้ว หนึ่งชีวิตรอดปาฏิหาริย์ เหตุกราดยิงหนองบัวลําภู

เด็กรอดชีวิต จากเหตุ กราดยิงหนองบัวลําภู ครอบครัวโพสต์โล่งใจ ขอบคุณบารมีพ่อแม่ครูบาอาจารย์ แนะนักจิตวิทยาควรเข้ามาดูแล กลายเป็นเรื่องราวปาฏิหาริย์ เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊ก Wutthichai Baothong ออกมาเปิดเผยภาพของ เด็กคนหนึ่งที่รอดชีวิตจาก เหตุคดีสะเทือนขวัญ นายปัญญา คำราบ อดีตตำรวจใช้อาวุธปืนสังหารหมู่ในศูนย์เด็ก อ.นากลาง หนองบัวลำภู

สำหรับภาพที่โพสต์ล่าสุดนั้น ระบุข้อความว่า “บารมีพ่อแม่ครูบาอาจารย์ คุ้มครองหลานน้อยผมพี้น้องเอ้ย” โดยจากภาพจะเกห็นมีเด็กน้อยคนหนึ่งนั่งอยู่ท่ามกลางผู้ใหญ่ นอกจากนี้เจ้าของโพสต์ระบุอีกว่า ตอบคำถามแชตนะครับ #น้องห้อยพระอะไร มีฝ้ายผูกแขน ของ #พระอาจารย์ไกรษร โกวิโท วัดภูถ้วยทอง อ.นากลาง และเหรียญหลวงปู่ทวด อีกด้านเป็นหลวงปู่ทิม ครับ

ทั้งนี้ หลังจากเรื่องราวดังกล่าวเผยแพร่ออกไปได้มีคนแชร์ออกไปกว่า 2.5 หมื่นครั้ง และมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก

ครูเล่านาทีความตาย ไอ้แมนกราดยิงเด็กเล็ก ใช้มีดฟันหัว จากเหตุการณ์ข่าวกราดยิงช็อกโลก ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กองค์การบริหารส่วนตำบลอุทัยสวรรค์ เมื่อวานนี้ ไอ้แมน ปัญญา คำราบ ได้ก่อเหตุกราดยิงสะเทือนหนองบัวลำภู เสียชีวิต 37 ราย 22 รายเป็นเด็กวัยอนุบาล เล็กสุดเพัยง 2 ขวบเท่านั้น

หลังจากกราดยิงศูนย์เด็กเล็กแล้ว นายปัญญาได้ขับรถหนีกลับบ้านและยิงคนไปตลอดทาง สุดท้ายไปยิงเมียและลูกตัวเอง แล้วยิงตัวตายตาม ตามที่ได้รายงานไปแล้วนั้น

ความสะเทือนใจไม่จางหายจากครูผู้รอดชีวิต ได้เล่าวินาทีแห่งความตายไว้ว่า ก่อนไอ้แมนจะบุกเข้าไป ครูได้ตะโกนให้ช่วยกันปิดประตูแล้ว ตนได้ไหว้ร้องขอชีวิต จังหวะนั้นนายปัญญากำลังใส่กระสุนปืนในรังเพลิน จึงปืนหนีกำแพงออกมาได้

จากนั้น แม้ว่าประตูจะล็อกอยู่แต่คนร้ายก็ทุบกระจกจนพยายามเข้าไปภายในได้สำเร็จและก่อเหตุกราดยิงสังหารหมู่เด็กเล็กที่นอนหลับอยู่ ที่น่าสลดคือ พยานเห็นว่านายปัญญา ใช้มีดฟันครูสาวท้องแก่ และฟันหัวเด็กจนถึงแก่ความตายด้วย

นอกจากนี้ครอบครัวยังพิจารณาเรื่องการจัดการดูแลความปลอดภัยบริเวณทางม้าลายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมีตัวเลขเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง แต่กลับไม่มีการกวดขันหรือแก้ไข เบื้องต้นศาลแพ่งนัดชี้ 2 สถานเพื่อกำหนดประเด็นข้อพิพาทในวันที่ 20 เมษายนนี้ จากนั้นจึงจะมีการพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป